"ฆาตกรบางคนใช้เวลาฆ่าเพียงเสี้ยววินาที บางคนใช้เวลาเป็นนาที บางคนเป็นชั่วโมง แต่ฆาตกรคนนี้ ใช้เวลาเป็นปี"
พอล เครเมน, ริชาร์ด เกลและไบรอัน โรฮาน
หนังเป็นเรื่องราวของ"แจ็ค คูไชโอ"(คำว่า คูไชโอ ในภาษาอิตาลีแปลว่าช้อน) ชายอ้วนที่มีชีวิตปกติธรรมดา จนกระทั่งคืนหนึ่งขณะที่เขาเดินอยู่บนถนนเขาก็ได้พบกับชายท่าทางประหลาด ผิวสีขาว สวมชุดและฮูดสีดำไล่เอาช้อนตีเขา ไม่ว่าแจ็คจะหนีไปไหนก็ไม่สามารถรอดพ้นจากการถูกไล่ตีได้ แจ็คพยายามหาที่มาของชายคนนี้และเขาก็ได้พบว่าชายคนนี้คือ "จิโนซาจี"(ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่าช้อนเงิน) วิญญาณร้ายที่จะติดตามไปทุกที่และจะไม่หยุดจนกว่าเหยื่อจะตาย อีกยังเจ้าวิญญาณตัวนี้เป็นอมตะครับ เพราะไม่ว่าแจ็คจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถต่อกรกับเจ้าวิญญาณร้ายนี้ได้เลย แม้กระทั่งตัวเขาเองถอดใจยอมที่จะฆ่าตัวตาย แต่มันก็ยังไม่ยอมให้เขาตายง่ายๆ ลองมาดูกันครับว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรหนังเรื่องนี้ยังได้รางวัล Special Jury Prize จากงาน Austin Fantastic Fest, รางวัลหนังสั้นยอดเยี่ยมจากงาน Fantasia Film Festival, รางวัลตัวเลือกจากผู้ชมและหนังสั้นยอดเยี่ยมในงาน Puchon International Fantastic Film Festival และรางวัลหนังสั้นยอดเยี่ยมประจำปี 2009 จากนิตยสาร Rue Morgue Magazine เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างที่สุด ทำให้ริชาร์ด เกลผู้กำกับ, เขียนบท, อำนวยการสร้าง(แต่ที่จริงคือแกทำเองเกือบทั้งหมดนั้นแหละครับ) ได้ตัดสินใจสร้างภาคต่อและออนไลน์ออกมาให้ชมในยูทูปกันอีกถึง 4 ภาค ผมเลยนำมาเรียงให้คุณได้ดูกันแบบขำๆครับ
Spoon VS Spoon ภาคต่อของตำนานผีช้อนอันเลื่องลือ จากเรื่องราวในภาคแรก ไม่ว่าแจ็คจะหาอาวุธใดมาใช้ ก็ไม่สามารถทำอะไรจิโนซาจีได้เลย จนกระทั่งมีคอมเม้นหนึ่งในยูทูปบอกกับเขาว่า "ทำไมไม่ลองโจมตีมันด้วยช้อนดูบ้างล่ะ" นั่นทำให้เรื่องราวในภาคนี้เกิดขึ้นครับ (ขอบอกเลยว่าตอนจบต้องอุทานเลยว่า เฟดเฟ่!!! 555+)
Save Jack เรื่องราวหลังจากภาค Spoon VS Spoon ทางผู้สร้างได้ทำวีดีโอนี้ขึ้นมาเป็นวีดีโอโต้ตอบกับคนดู ทางผู้ชมจะมีส่วนร่วมในการกำหนดเส้นทางชีวิตของแจ็คด้วยการเลือกเส้นทางเพื่อช่วยเหลือแจ็คจากจิโนซาจี 4 ทางเลือกด้วยกันซึ่งได้แก่ ใส่ชุดป้องกัน, ใช้แม่เหล็กยักษ์, สวมกอด??? และเตะผ่าหมากมันเลย!!! งานนี้ขึ้นอยู่กับพวกคุณแล้วครับว่าจะเลือกเส้นทางไหน ลองไปเล่นกันเลย
Spoon Wars ด้วยเรื่องราวที่ดูจะเหลือเชื่อเรื่องนี้ ภาคนี้ยังทำให้ดูเหนือจินตนาการมากขึ้นไปอีกขั้น เพราะไม่มีอาวุธใดๆบนโลกนี้ที่จะสามารถต่อกรกับจิโนซาจีได้ เรื่องราวในภาคนี้จึงให้แจ็คได้รับดาบไลท์เซเบอร์เพื่อมาต่อกรกับช้อนของจิโนซาจี ดูก็รู้ครับว่าเอา Star Wars มาล้อ 555 ลองคิดดูล่ะกันครับว่าดาบไลท์เซเบอร์เมื่อปะทะกับช้อนจะเป็นอย่างไร?
Ginosaji VS Ginosaji แจ็คผู้หมดสิ้นหนทางที่จะสู้รบกับเจ้าวิญญาณร้ายตนนี้ ในขณะที่เขาหมดอาลัยตายอยาก เขาก็คิดขึ้นมาได้ว่าในเมื่อไม่มีใครหรืออะไรสามารถต่อกรกับจิโนซาจีได้ ทางเดียวที่จะสู้กลับได้คือเขาต้องกลายเป็นมัน!!! เรื่องราวในภาคนี้ขอบอกเลยว่าโหด ฮา ดิบและดูไซโคมากๆครับ ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงท้ายของเรื่อง ทางผู้กำกับริชาร์ด เกลได้บอกว่าความลับและที่มาทั้งหมดของจิโนซาจีจะได้รับการเปิดเผยในฉบับหนังใหญ่ในชื่อเรื่องว่า GINOSAJI - The Horribly Slow Murderer With The Extremely Inefficient Weapon. นี่ชื่อมึงยังยาวไม่พอหรืออีกหรือเนี่ย!!!
เบื้องหลังงานสร้าง
The Horribly Slow Murderer with the Extremely Inefficient Weapon ใช้งบในการถ่ายทำไป 600 เหรียญ ในขณะที่พิมพ์นี้มียอดวิวในยูทูปไป 25+ ล้านวิวแล้วครับ เรื่องราวในหนังเห็นได้ว่ามีโลเกชั่นเกือบจะทั่วโลก แต่ทั้งหมดนั้นถ่ายทำกันเขตแคลิฟอเนียเท่านั้น สถานที่ถ่ายทำที่ไกลที่สุดคือฉากทะเลทรายซึ่งก็ยังอยู่ในแคลิฟอเนีย ทีมงานที่ถ่ายทำส่วนใหญ่จะมีเพียงแค่ริชาร์ด เกล, พอล เครเมน(แจ็ค)และไบรอัน โรฮาน(จิโนซาจี)เท่านั้น อีกทั้งริชาร์ดยังทำหน้าที่พากย์เสียงประกอบเรื่องราวด้วยตัวเองอีกด้วย(ก็ไอเสียงบรรยายที่เราได้ยินนั่นแหละ ใช้เทคนิคปรับเสียงให้ดูเอพิค)
ความปราดเปรื่องอีกอย่างของริชาร์ด คือเขามักจะใช้ของเท่าที่หาได้มาเป็นพร็อพช่วยเหลือในการถ่ายทำ อย่างเช่นฉากกรีนสรีน แต่ที่น่าทึ่งที่สุดคือการถ่ายทำฉากใต้น้ำโดยใช้ตู้ปลาช่วย ความลงตัวอีกอย่างคือเขายังมีเพื่อนมาช่วยดูแลเรื่องทำเสียงประกอบและการแต่งหน้าของนักแสดงด้วยครับ โดยริชาร์ดเปิดเผยว่าตัวเขาเองมีไอเดียหนังเรื่องนี้มาตั้งแต่ช่วง 15 ปีที่แล้ว ก่อนหน้าที่หนังสั้นเรื่องนี้จะถ่ายทำ เขาได้ลองทำตัวอย่างหนังเรื่องนี้(แบบหลอกๆ)ความยาว 2 นาทีและใช่ไอเดียนี้ควบคู่ไปกับการพัฒนาทักษะการถ่ายทำภาพยนตร์ของเขาเรื่อยมา
จากผลงานทั้งหมดที่ผ่านมา ผมคิดว่างานของเขาน่าจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับนักทำหนังหรือทำสื่อในบ้านเราครับ เพราะถึงแม้จะไม่มีอุปกรณ์เจ๋งๆหรืองบประมาณมากมาย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือไอเดียที่กล้าฉีกแนวออกจากกรอบ แม้ว่าจะเป็นประเด็นที่ดูปัญญาอ่อนหรือดูไร้สาระ แต่ถ้าหากได้ผ่านการคิดและเอาใจใส่มาแล้ว ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้รับความสนใจครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น